Date 2025-03-05 22:05:42

เมื่อพูดถึง ‘ทักษะจำเป็น’ สำหรับผู้ใช้รถบนท้องถนน นอกจากการขับขี่อย่างปลอดภัย การตรวจเช็คลมยางเป็นประจำ และการสังเกตความผิดปกติของรถแล้ว อีกหนึ่งทักษะสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ ‘การเปลี่ยนยางรถยนต์’ เพื่อให้คุณพร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้อย่างมั่นใจ บทความนี้ SaveTyre ได้รวบรวมเรื่องที่คนใช้รถต้องรู้เกี่ยวกับ การเปลี่ยนยางรถยนต์ มาให้ดูกัน เพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

 

ความสำคัญของยางรถยนต์

ก่อนเรียนรู้วิธีเปลี่ยนยางรถยนต์ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจก่อนว่า ยางรถยนต์สำคัญอย่างไร อาจกล่าวได้ว่า ยางมีบทบาทสำคัญในการรองรับน้ำหนักของรถทั้ง 4 ล้อ เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างตัวรถและพื้นถนน ช่วยถ่ายทอดพลังในการขับเคลื่อนและหยุดรถอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานนี้แล้ว บทความนี้จะช่วยเสริมความรู้ เพื่อให้สามารถเปลี่ยนยางได้อย่างถูกต้อง และปลอดภัยเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น

 

รวม 4 สาเหตุที่ทำให้ยางรถเสียหายมีอะไรบ้าง

สิ่งสำคัญต่อมาที่จำเป็นที่จะต้องรู้ต่อมาก็คือ ยางรถยนต์จะมีอายุการใช้งานไม่เกิน 6 ปีนับแต่วันที่ผลิต โดยต้องเก็บรักษาอย่างถูกวิธี ซึ่งระยะการวิ่งโดยเฉลี่ย 40,000 – 50,000 กิโลเมตร แต่อายุขัยนี้ก็จะขึ้นอยู่กับการใช้งานในแต่ละวันของแต่ละคนด้วย การเข้าใจอายุการใช้งานของยางล่วงหน้าช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้น มาดูกันว่าปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลให้ยางเสื่อมสภาพหรือเสียหายเร็วกว่าปกติ

  1. การเติมลมยางที่ไม่เหมาะสม : หมั่นเติมยางลมอยู่เสมอเป็นเรื่องที่ผู้ขับขี่ไม่ควรมองข้าม แต่สิ่งที่ควรทำควบคู่คือ เราได้เติมปริมาณลมที่เหมาะสมเข้าไปรึเปล่า ? เพราะสิ่งนี้ถือเป็นสาเหตุที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพและสึกเร็วว่าที่ควร เพราะฉะนั้น ก่อนเติมลมยางให้ตรวจค่าความดันลมที่เหมาะสมสำหรับลมยางที่มีระบุไว้ที่ทั้งหน้าและล้อหลัง
  2. สภาพถนน : สภาพถนนที่มีความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นหลุม บ่อ ถนนลูกรัง หรือถนนที่อยู่ระหว่างซ่อมแซม และทางลาดชัน ก็เป็นตัวชะลออายุการใช้งานของยาง และทำให้ยางเสียหาย
  3. การบรรทุกของหนัก : การบรรทุกของหนัก เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของยางรถยนต์โดยตรง ซึ่งการจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสมจะช่วยกระจายน้ำหนักไปยังทั้งสี่ล้ออย่างสมดุล แต่หากบรรทุกเกินพิกัด (Overload) อาจทำให้ยางรับน้ำหนักเกินความสามารถ ส่งผลให้สึกหรอเร็วกว่าปกติได้ ดังนั้น ควรตรวจสอบขีดจำกัดการรับน้ำหนักของยาง ซึ่งสามารถดูได้จากตัวเลขที่ระบุบนแก้มยาง เพื่อป้องกันความเสียหายและยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์
  4. วิธีการขับขี่ : สังเกตพฤติกรรมการขับของตัวเองใหม่อีกครั้ง ถ้าคุณเป็นคนขับรถที่ชอบออกสตาร์ทแรง หรือว่าเบรกรถอย่างกะทันหันเสมอ หรือแม้กระทั่งหักเลี้ยวแบบไม่ชะลอความเร็ว ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ยางสึกหรอเร็วกว่าปกติเหมือนกัน

 

สัญญาณใดบ้าง ที่บอกให้รู้ว่าควรเปลี่ยนยางรถยนต์

สัญญาณใดบ้าง ที่บอกให้รู้ว่าควรเปลี่ยนยางรถยนต์

เมื่อรู้จักภัยร้ายแล้ว ทีนี้เรามาเรียนรู้วิธีการสังเกตยางของตัวเองหน่อยว่าสัญญาณแบบไหนที่บ่งบอกว่าคุณต้องเปลี่ยนยางแล้ว

  1. ดอกยางบางลงอย่างชัดเจน : เมื่อไหร่ที่ดอกยางที่ใช้เริ่มมีความบางลงกว่าปกติ 7-9 มิลลิเมตร หรือที่เรียกว่าดอกยางเหลือน้อย ควรจะรีบเปลี่ยนยางรถยนต์ทันที เพราะนั่นหมายความว่า ความสามารถในการเกาะถนนที่น้อยลง อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
  2. แก้มยางปริ มีแผลที่แก้มยาง : ทันทีที่แก้มยางรถมีการปริแตกแม้เพียงเล็กน้อย ก็ควรให้รีบเปลี่ยนยางใหม่เลย นี่คือจุดเริ่มต้นของสาเหตุที่ทำให้ยางรถยนต์แตก หรือเกิดการระเบิดจนสูญเสียการควบคุมระหว่างที่ทำความเร็วได้ ซึ่งอันตรายมาก
  3. ยางปูด หรือยางบวม : อย่างที่บอกไปในข้อก่อนหน้านี้ว่าสภาพถนนที่เลวร้ายทำให้ยางรถยนต์ของเราเสียหายได้ และการขับตกหลุมถนนบ่อย ๆ การเสียดสีอันรุนแรงจนหนังยางอ่อนแอ ทำให้ยางรถบวมและจะทำให้ยางระเบิดจนสูญเสียการควบคุม  
  4. ยางมีอายุการใช้งานนานแล้ว : ยางที่มีอายุการใช้งานนานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยางเก่าหรือยางที่เก็บในสภาพไม่เหมาะสม รวมถึงยางที่เกินอายุการใช้งาน แม้จะไม่มีสัญญาณเตือนชัดเจน แต่การใช้ยางเหล่านี้สามารถลดความปลอดภัยในการขับขี่ได้อย่างมาก ดังนั้น คำแนะนำคือไม่ควรใช้งานยางที่มีอายุเกินกำหนดโดยเด็ดขาด
  5. ยางมีรอยตำหรือรอยรั่วที่ไม่สามารถปะซ่อมได้ : และข้อสุดท้าย สิ่งที่สามารถเช็คด้วยตาเปล่าทุกวันได้อย่างชัดเจนที่สุด เมื่อมีรอยรั่วของยางที่เราไม่สามารถให้ช่างปะหรือซ่อมได้ ก็เป็นสัญญาณที่ว่าควรเปลี่ยนยางใหม่ทันทีเหมือนกัน

 

สรุปแล้ว ยางรถยนต์ มีอายุในการใช้งานกี่ปี

คำถามที่หลาย ๆ คนน่าจะสงสัยกัน ว่าถ้าหากเราใช้งานยางรถยนต์อย่างดี ไม่ขับลงในพื้นที่ถนนสภาพเลวร้าย ไม่ชน ไม่บรรทุกของหนัก อายุการใช้งานของยางจะสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องกี่ปี คำตอบก็คือ ยางรถยนต์โดยปกติจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ไม่เกิน 6 ปีนับแต่วันที่ผลิต หรือวิ่งเป็นระยะทางโดยเฉลี่ย 40,000 - 50,000 กิโลเมตร อย่าลืมดูปีผลิตของยางรถยนต์ที่เราเลือกซื้อ และตรวจสอบให้ดีว่าศูนย์ที่ไปซื้อเก็บยางเอาไว้ในพื้นที่ที่ถูกต้องหรือไม่

 

สามารถเปลี่ยนยางแค่เส้นเดียวได้หรือไม่

อีกหนึ่งคำถามยอดฮิต เพราะใช่ว่าทุกครั้งยางจะเกิดเสื่อมสภาพพร้อมกันทั้ง 4 เส้น “แล้วเราสามารถเปลี่ยนยางแค่เส้นเดียวได้มั้ย ?” เอาจริง ๆ เราไม่ควรเปลี่ยนยางรถเส้นเดียว เพราะทำให้ความสมดุลระหว่างยางเสียสมรรถนะทันที ไม่ว่าจะการเร่งหรือการเบรก ด้วยความที่ดอกยางหนึ่งเส้นมีความลึกที่ต่างกัน และอาจจะตามมาด้วยปัญหาของระบบรถยนต์อย่าง เฟืองท้าย / กล่องเกียร์ / เบรก ได้อีกด้วย แม้ว่ายางจะรั่วเพียง 1 เส้น ก็ควรจะเปลี่ยนใหม่ทั้งชุดทันที

 

เลือกยางรถยนต์อย่างไร ให้เหมาะกับตนเอง

เลือกยางรถยนต์อย่างไร ให้เหมาะกับตนเอง

การใช้งาน : และเพื่อไม่ให้เราซื้อยางรถยนต์ที่ไม่เหมาะกับรถของเรา สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อก็คือการขับขี่ในชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างไร ถ้าเป็นรถที่เป็น Street Use แอร์เย็น เพลงเพราะ ขับปกติก็ใช้ยางทั่วไป แต่เมื่อไหร่ที่เป็นรถต้องใช้ยางเฉพาะเจาะจง ไม่ว่าจะ EV CAR / รถบรรทุก ก็จำเป็นที่จะต้องเลือกยางที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับรถด้วย

  1. ราคา : ว่ากันด้วยเรื่องของราคาขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการคุณภาพระดับไหน ปฏิเสธไม่ได้ว่ายางที่เกรดดีก็ย่อมจะมีราคาที่สูงกว่าเสมอ แต่ว่ายางที่มีราคาถูกก็ใช่ว่าจะไม่ดี ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติที่เราต้องการนั่นเอง ไม่ว่าจะในเรื่องของ เนื้อยาง / ดอกยาง / โครงยาง / หรือนวัตกรรมที่นำมาใช้ผลิตก็ตาม
  2. สภาพยางก่อนการใช้งาน : ข้อนี้สำคัญและเราย้ำเสมอในบทความนี้ ตอนที่ซื้อยางจำเป็นต้องตรวจสอบว่าผู้จัดจำหน่ายเก็บยางที่ดีรึเปล่า เพื่อให้เราได้ยางที่สภาพดีพร้อมใช้ที่สุดสำหรับการใช้งาน
  3. เลือกยางที่มีคุณภาพ และมาตรฐานการผลิตที่ดี : ท่องให้ขึ้นใจ เลือกยางที่มีมาตรฐานยอมรับเสมอ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับตัวเอง และคนที่นั่งบนรถ รวมถึงดูปีผลิตเพื่อให้เราสามารถใช้ยางได้แบบเต็มอายุโดยไม่ต้องกังวลใจอะไร

 

ข้อดีของการเปลี่ยนยางรถยนต์

ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย มั่นใจมากขึ้น : อะไรจะสำคัญไปกว่าความปลอดภัยในการขับขี่อีก และยางใหม่ก็มอบสมรรถนะแบบ 100% ให้กับยางทุกเส้น ไม่ว่าจะการยึดเกาะกับถนนในวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ไปจนถึงการเข้าโค้งยาง ๆ อีกด้วย

  • ลดระยะในการเบรก : ดอกยางที่มีคุณภาพช่วยลดระยะในการเบรกในแต่ละครั้งของเรา ยิ่งเป็นรถที่ขับในเมืองสิ่งนี้ก็จพเป็นสุด ๆ เพื่อไม่ให้รถของเราเกิดไปจิ้มกับท้ายของใครเข้า
  • ประหยัดน้ำมัน : และแน่นอน การเปลี่ยนยางใหม่ช่วยให้รถของเราขับเคลื่อนด้วยความยืดหยุ่น เครื่องยนต์ไม่ต้องทำงานหนัก และมาซึ่งการประหยัดน้ำมันเพื่อไม่หใ้เราเสียค่าใช้จ่ายโดยจำเป็น ยางใหม่ ๆ ก็คิดค้นเรื่องนี้เพื่อให้รถสามารถประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นในทุก ๆ แบรนด์เป็นฟังก์ชันพื้นฐานเลยล่ะ

 

เพราะยางรถยนต์ คือหัวใจสำคัญของความปลอดภัยในทุกการขับขี่ อย่าปล่อยให้ความเสี่ยงเป็นเรื่องของโชคชะตา เลือกเปลี่ยนยางรถยนต์กับ SaveTyre ที่พร้อมมอบยางคุณภาพสำหรับรถยนต์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นรถสันดาปหรือ EV Car มั่นใจได้ว่าทุกเส้นทางของคุณจะปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อเปลี่ยนยางกับเรา

สามารถอ่านรายละเอียด วิธีการสั่งซื้อยางจาก SaveTyre ผ่านช่องทางออนไลน์ ได้ที่นี่