Date 2024-11-06 17:32:08

“ต้น ๆ รถเป็นไรอะ - รถยางแตกอะดิ !”

ไดอะล็อกจากโฆษณาระดับตำนานที่ต้องบอกว่าเป็นปัญหาที่ไม่ตลกเลยในชีวิตจริงเลย ยางรถยนต์แตกนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนเป็นอันดับต้น ๆ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากให้ปัญหานี้เกิดขึ้นกับคุณต้องรู้อะไรบ้าง มาอ่านพร้อม ๆ กันในบทความนี้

รถยางแตกเกิดจากสาเหตุอะไร

รถยางแตกเกิดจากสาเหตุอะไร

สาเหตุของการที่ยางรถยนต์แตก มักเกิดจากปัจจัยหลายประการที่ส่งผลให้ยางเสื่อมสภาพ หรือเสียหายจนไม่สามารถรับน้ำหนักและแรงดันได้เพียงพอ ซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ มาดู 7 สาเหตุหลักที่ทำให้ยางแตกมีอะไรบ้าง

  1. ยางเสื่อมคุณภาพ : รูทีนประจำสัปดาห์หนึ่งอย่างที่ขาดไม่ได้เสมอของคนขับรถทุกวันคือ ‘การเช็คสภาพยางรถ’ ลมยางเริ่มอ่อนกว่าปกติรึยัง / ต้องเติมลมยางบ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีการรั่วซึม / แก้มยางหรือหน้ายางฉีดขาด / ดอกสึกรึเปล่า สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณแจ้งเตือนว่ายางรถยนต์กำลังเสื่อมสภาพ ซึ่งเป็น06fgibj,9hoที่นำไปสู่การยางแตกได้ในที่สุด
  2. ขับขี่ด้วยความเร็วที่มากเกินไป : การขี่ด้วยความเร็วเกินกำหนดเกินกว่าที่สมรรถนะของยางรถยนต์จะรับได้ไหว ส่งปัญหานำไปสู่ยางแตกหรือยางระเบิดได้เลย เพราะฉะนั้น หลังจากเปลี่ยนยางใหม่แล้วให้เช็คดูก่อนว่ายางเส้นนั้นสามารถรองรับความเร็วได้แค่ไหนจากตัวอักษรบนยางรถ คือ Speed Rating หรือ ดัชนีระบุสัญลักษณ์ความเร็วยาง
  3. บรรทุกน้ำหนักมากเกิน : ต้องบอกว่าจุดนี้เป็นปัญหาแบบภัยเงียบที่คนขับรถอาจคาดไม่ถึงเสมอ เพราะเมื่อบรรทุกของในปริมาณหนักมาก ๆ บ่อยเข้า ๆ ก็ทำให้ยางแตกได้ในที่สุด เช่นเดียวกับการตรวจสมรรถนะการรองรับความเร็วบนยาง ให้เช็คตัวอักษรที่ระบุน้ำหนักซึ่งยางเส้นนั้นสามารถรับได้ ที่เรียกว่า Load Index ซึ่งจะอยู่บนแก้มยางรถยนต์
  4. แรงดันลมยางไม่เหมาะสม : หากลมยางอ่อนเกินไป หรือแข็งเกินไป จะทำให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น และเสี่ยงต่อการแตกเมื่อเจอแรงกระแทกหรือถนนที่ขรุขระ
  5. เลือกขนาดยางไม่เหมาะสม : เรื่องนี้ SaveTyre เคยแนะนำไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้ ว่าคนขับรถยนต์ทุกคนคงรจะรู้ว่ารถของเราเหมาะกับยางแบบไหน และจำเป็นที่จะต้องใช้ยางที่มี Status เหมาะสมกับประเภทรถก็เพื่อไม่ให้เกิดการยางแตกนี่ล่ะ
  6. สภาพถนนที่ไม่เรียบเนียน : ยางถูกบาดหรือทิ่มแทงจากวัตถุมีคม เช่น ตะปู เศษแก้ว หรือการขับเหยียบหิน รวมถึงการขับบนถนนที่ขรุขระและไม่เรียบเนียน อาจทำให้ยางเสียหายและแก้มยางฉีกขาดได้
  7. ใช้ยางที่ไม่ได้คุณภาพ : และปัญหาสุดท้ายเป็นปัญหาที่เกิดตั้งแต่ต้นลมก็คือการใช้ยางที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะยางราคาถูกที่ไม่ได้การรับรองมาตรฐาน หรือยางรถมือ 2 ที่ไม่รู้ว่าผ่านอะไรมาบ้าง เพราะฉะนั้นถ้าไม่แน่ใจว่ายางแบบไหนถึงจะเรียกว่ายางที่คุณภาพ สามารถเข้ารับการบริการจาก SaveTrye ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ

อาการเมื่อยางรถยนต์แตก

“เราจะรู้ได้อย่างไรว่าขณะขับยางรถแตกอยู่รึเปล่า ?”

สามารถเช็คตามสัญญาณต่าง ๆ  ไม่ว่าจะรถจะส่ายไปมาขับบังคับได้ยากมาก เมื่อยางแตกที่ล้อหน้าพวงมาลัยจะเริ่มฝืด แต่ถ้าเกิดที่ล้อหลังผู้โดยสารที่นั่งหลังรถจะรู้สึกได้ทันทีว่ารถผิดปกติ ไม่ว่าจะจากเสียงลมยาง หรือเสียงล้อบดถนน เป็นต้น 

วิธีรับมือเมื่อรถยางแตก ควรทำอย่างไรเพื่อให้ปลอดภัยที่สุด

วิธีรับมือเมื่อรถยางแตก ควรทำอย่างไรเพื่อให้ปลอดภัยที่สุด

ยางแตกเมื่อไหร่อย่าเพิ่งตกใจไป ประคองสติเอาไว้ก่อน ประคองรถเอาไว้ให้มั่น แล้วปฏิบัติตามเช็คลิสต์นี้

  1. จับพวงมาลัยด้วยท่ามาตรฐาน คือการเอามือทั้ง 2 ข้างจับให้แน่นเพื่อให้สามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นคง
  2. ให้เริ่มปล่อยหรือถอนคันเร่งออกช้า ๆ พร้อมกับมองกระจกเพื่อเช็คว่ามีรถขับตามมาหรือไม่
  3. เลี้ยงเบรกเบา ๆ อย่าลืมว่าห้ามเหยียบเบรคแรงโดยเด็ดขาด และก็ห้ามเหยียบคลัตช์ด้วย เพราะอาจทำใหรถเสียหลักและหมุนได้
  4. ห้ามดึงเบรกมือขณะที่ยางแตก
  5. ทันทีที่สามารถลดความเร็วของรถได้แล้ว ให้ตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง พร้อมกับเปิดไฟฉุกเฉิน เพื่อรอความช่วยเหลือ

วิธีรับมือเมื่อรรถบรรทุกยางแตก

ทีนี้หลังเรารู้วิธีจัดการกับปัญหาเมื่อเกิดปัญหายางแตกกับรถที่เป็น Daily Use ไซส์ปกติไปแล้ว สำหรับผู้ที่ขับรถใหญ่หรือรถบรรทุก มาดูกันหน่อยดีกว่าว่าเมื่อรถยางแตกจะต้องรับมืออย่างไรบ้าง 

  1. ทันทีที่รู้ตัวว่ายางรถแตก ให้เริ่มต้นด้วยการจับพวงมาลัยให้มั่น ประคองรถเอาไว้ให้ดี และห้ามดึงเบรกมือเพื่อแก้ปัญหาเด็ดขาด
  2. อย่าเหยียบเบรกกระทันเพื่อที่จะลดความเร็ว ถอนคันเร่ง และแตะเบรกเบา ๆ
  3. การเหยียบคลัตช์ทันทีที่รถยางแตกส่งผลให้การควบคุมรถเป็นไปได้อย่างยากลำบากมาก ๆ
  4. ให้เริ่มเข้าเกียร์ต่ำหลังจากที่เริ่มควบคุมรถได้แล้ว
  5. สุดท้ายจึงเปิดไฟเลี้ยวเอารถเข้าข้างทาง รอความช่วยเหลือ พร้อมกับตรวจสอบสภาพของยางว่าได้รับความเสียหายที่ส่วนไหนบ้าง

วิธีป้องกันรถยนต์ยางแตก

ไม่ยากเลยถ้าไม่อยากให้เกิดปัญหารถแตก ขั้นตอนแรก ให้หมั่นตรวจเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 1 ครั้งเป็นอย่างต่ำ ยางไม่ได้อ่อนเกินไป หรือไม่ได้ตึงมากจนเกินไป แต่แค่เช็คลมยางอย่างเดียวก็ยังไม่พอ หมั่นเอารถเข้าศูนย์บริการเพื่อดูแล Over All อยู่เสมอ สภาพรถ เช็คระยะ ดูแลยางรถยนต์ให้อยู่สภาพพร้อมใช้งาน ไม่ให้มีการชำรุด รั่วซึม บวม หรือแตก  และสุดท้าย ดูแลให้ดีก่อนเกิดปัญหาด้วยการเลือกยางรถที่มีคุณภาพ พร้อมกับเลือกให้เหมาะสมกับประเภทรถยนต์ของตัวเอง ทั้งการบรรทุกและการรองรับความเร็ว

ปัญหายางแตกจะไม่เคยเป็นปัญหาเลยเมื่อผู้ขับขี่รถยนต์มีรูทีนการตรวจสอบสภาพรถยนต์อยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ตรวจสอบสภาพยางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตรวจสอบส่วนอื่น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาใดก็ตามที่จะเป็นอันตรายทั้งต่อตัวเองและคนอื่นขณะขับขี่บนท้องถนนได้