Date 2024-07-03 16:12:59

“ควรเติมลมยางรถยนต์เท่าไหร่ดี”
 

คำถามยอดฮิตของคนรักรถ  ควรเติมลมยางเท่าไหร่ดี ถึงจะเหมาะสม ?

 

ข้อมูลสำคัญสำหรับการขับขี่ปลอดภัยที่ผู้ขับขี่ควรรู้  “ลมยาง”เปรียบเสมือนรองเท้าของรถยนต์ มีหน้าที่สำคัญต่อการยึดเกาะถนน ควบคุมการทรงตัว และส่งผลต่อความประหยัดน้ำมัน การเติมลมยางที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขับขี่ที่ปลอดภัย  

 

6 ผลเสียของการเติมลมยางที่ไม่ถูกต้อง 

❎ การสึกหรอของยางที่ไม่สม่ำเสมอ: หากยางมีแรงดันลมต่ำ หน้ายางจะสัมผัสกับพื้นถนนมากกว่าปกติ ส่งผลให้สึกหรอเร็วบริเวณแก้มยาง ในทางกลับกัน หากยางมีแรงดันลมสูง หน้ายางตรงกลางจะสัมผัสกับพื้นถนนมากกว่าปกติ ส่งผลให้สึกหรอเร็วบริเวณตรงกลางดอกยาง 

❎ การสูญเสียการควบคุมรถ: ยางที่มีแรงดันลมต่ำ จะทำให้การบังคับควบคุมรถบนถนนทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะบนถนนเปียกหรือโค้ง เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ 

❎ การสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง: ยางที่มีแรงดันลมต่ำ จะทำให้แรงเสียดทานระหว่างยางกับถนนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น 

❎ การเสื่อมสภาพของโครงสร้างยาง: ยางที่มีแรงดันลมต่ำ จะทำให้เพิ่มโอกาสการบดเบียดแก้มยางกับถนน โครงสร้างยางเสียรูป เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย เช่น ยางระเบิด 

❎ อายุการใช้งานของยางที่สั้นลง: การเติมลมยางที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วลง ส่งผลให้อายุการใช้งานของยางสั้นลง 

❎ อาจส่งผลต่อเงื่อนไขการรับประกันยาง อันเนื่องมาจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง 

 

เติมลมยางเท่าไหร่ดี? 
คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ ขนาดยาง และสภาพการใช้งาน 

 

สำหรับรถประเภทต่างๆ แรงดันลมยางที่แนะนำมีดังนี้ 

 

รถยนต์ขนาดเล็ก : 25-30 PSI 

         

รถยนต์ขนาดกลาง : 30-35 PSI 

                                                                                             

รถ SUV หรือกระบะยกสูง : 30-40 PSI 

         

รถ EV : 35-50 PSI 

 

รถกระบะแต่ง : 35-50 PSI 

 

รถตู้ และกระบะบรรทุก : 40-65 PSI 

 

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณา ได้แก่ 

การบรรทุก: หากบรรทุกของหนัก ควรเติมลมยางเพิ่มตามที่ระบุในคู่มือประจำรถ 

สภาพอากาศ: อากาศร้อน ยางจะขยายตัว ควรลดแรงดันลมยางลงเล็กน้อย 

ชนิดของยาง: ยางบางประเภท เช่น ยางรันแฟลต อาจมีแรงดันลมยางที่เหมาะสมแตกต่างจากยางทั่วไป   
 

อย่างไรก็ตาม 

ข้อมูลแรงดันลมยางที่ ถูกต้องที่สุด 
สามารถดูได้จาก 
คู่มือประจำรถ 
หรือ 
สติกเกอร์ที่ติดอยู่ที่เสาประตูข้างคนขับ* 

หมายเหตุ: *รถยนต์ทุกรุ่นจะมีสติ๊กเกอร์แปะไว้ที่ประตูข้างคนขับ บนสติ๊กเกอร์นี้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับแรงดันลมยางที่เหมาะสมสำหรับยางหน้า ยางหลัง และยางอะไหล่ 

 

4 วิธีการตรวจวัดและเติมลมยาง

✅ ตรวจสอบแรงดันลมยางขณะยางเย็น: ควรวัดแรงดันลมยางขณะยางเย็น คือ ยางไม่ได้ใช้งานมาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เนื่องจากแรงดันลมยางจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อใช้งาน 

✅ ตรวจใช้เครื่องวัดลมยางที่ได้มาตรฐาน: ควรใช้เครื่องวัดลมยางที่ได้มาตรฐานเพื่อความแม่นยำในการวัด 

✅ ขั้นตอนการเติมลมยาง: 

1. ถอดหมวกวาล์วลมยาง 

2. เสียบสายเติมลมเข้ากับวาล์วลมยาง 

3. เปิดเครื่องปั๊มลมและเติมลมยางให้ได้แรงดันตามที่กำหนด 

4. ปิดเครื่องปั๊มลม ถอดสายเติมลมออกจากวาล์วลมยาง 

5. ใส่หมวกวาล์วลมยางกลับเข้าที่เดิม 

✅ตรวจสอบแรงดันลมยางหลังจากเติมเสร็จ: เพื่อความมั่นใจ ควรตรวจสอบแรงดันลมยางอีกครั้งหลังจากเติมเสร็จ 

 

ความถี่ในการตรวจวัดและเติมลมยาง 

🚩 ควรตรวจวัดและเติมลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือทุกๆ 2 อาทิตย์ ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน 

🚩 ควรตรวจวัดและเติมลมยางก่อนออกเดินทางไกลทุกครั้ง 

 

❣️‼️ ข้อควรระวัง ‼️❣️

• ไม่ควรเติมลมยางมากเกินไป เพราะอาจทำให้ยางแข็ง ความนุ่มนวลในการขับขี่ลดลง

• ไม่ควรเติมลมยางน้อยเกินไป เพราะอาจทำให้ยางนิ่ม เกิดโอกาสแก้มยางบดถนน ควบคุมรถยาก และสึกหรอเร็ว 

 

การเติมลมยางรถยนต์ให้ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ทุกคนควรใส่ใจ เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน และยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์ 

ด้วยความปรารถนาดีจาก SaveTyre #เซฟไทร์ ยางถูกใจ ราคาถูกจริง บริการจริงใจ 

 

💡หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น แรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถของคุณสามารถดูได้จากคู่มือการใช้รถ หรือ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ